วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

รายชื่อ Destination Dispatch ที่นิ้งเก็บทั้งหมดพร้อมประสบการณ์ (ตอนที่ 1)

ช่วงนี้นิ้งซามะหายไปนานเพราะติดงานและเรื่องอื่นๆ นะคะ วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวของ Destination Dispatch ทั้งหมดที่นิ้งเก็บกัน
(ข้อมูลล่าสุด 21 มกราคม 2558)

เซ็นทรัลพระราม 9
ลิฟต์ Schindler Miconic 10 ตัวแรกที่เราไปเก็บ (ขึ้นไปออฟฟิศไม่ได้นะ) ตอนเก็บครั้งแรกเริ่มที่ชั้น 8 และมีการกลัว รปภ. นิดหน่อยด้วย

ต่อมาเราก็ไปถ่ายอีกรอบ คราวนี้ขึ้นไปชั้น 12 ได้ตัวเดียวกับกันต์อีกต่างหาก (มีคนตกใจเราด้วย 555555555)

สรุปก็คือ ที่นี่เป็น Destination Dispatch ที่เก็บง่ายที่สุดล่ะ

เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
คราวนี้เป็น Miconic 10 ที่ขึ้นออฟฟิศได้ แต่เราไม่ได้ขึ้นไปชั้นบนสุด - -"
ครั้งแรก ก่อนที่จะไปถ่ายกับน้องอู๋ เราก็ลงไปตามปกติก่อน
จากนั้น เราก็ไปถ่ายกับน้องอู๋ แล้วก็ลุยเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นไปชั้น 23 ตามที่เราต้องการจริงๆ ก็ตาม (แต่กันต์ขึ้นไปจริงๆ แต่ไม่ยักกะถ่าย - -")
ความยากที่นี่จะมากกว่าที่เซ็นทรัลพระราม 9 ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ถ้าถ่ายวันหยุดโอกาสรอดก็น่าจะมากกว่านะ

CP Tower 3
ตึกเรียน แต่ดันมี Miconic 10 ก็เลยเสร็จนิ้งซามะสิครับพี่น้องงงงงงงงงงงงง
ที่นี่เป็นที่เดียวที่กันต์ถ่ายได้จัดเต็มมาก ไม่รู้เป็นเพราะถ่ายง่ายรึเปล่า แต่เราเจอคนนะ
และคาดว่าเป็น Miconic 10 ที่เดียวที่เราไปถ่าย (จริงๆ) แล้วเจอชั้น 12A
(อีกที่ถ่ายไม่ได้อ้ะ!)

เอาล่ะ หมดหน้ากระดาษแล้ว พอแค่นี้ก่อนเน้อ
เดี๋ยวตอนหน้าจะเล่าแบบโหดที่เราไปเจอมา วะฮ่าฮ่าฮ่า
See Ya!

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

รีวิวการถ่ายลิฟต์ ตอนที่ 2 - เทอร์มินัล 21

ขออภัยที่ช้าไป 1 วัน เพราะว่ากลับเย็น + ง่วง
วันนี้มาอัพรีวิวการถ่ายลิฟต์ตอนที่ 2 แล้วเน้อ
วันนี้ก็จะเป็นสถานที่ที่ได้ชื่อว่า เป็นห้างที่ถ่ายรูปได้สบาย และห้องน้ำสุดยอดมาก จนคนบางคนอยากจะไปล่าห้องน้ำแทนเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีคอนเซ็ปต์เป็นสถานที่จากทั่วโลกด้วย ที่นั้นก็คือ...
Terminal 21 นั่นเอง!!!
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.girlsfriendclub.com/wp-content/uploads/2014/05/terminal21.jpg
ก่อนอื่นเรามาดูรายละเอียดสถานที่กันก่อน
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/เทอร์มินัล_21 ด้วยเน้อ)
เทอร์มินัล 21 เป็นศูนย์การค้าในกรุงเทพมหานคร บริหารงานโดยเครือแลนด์แอนด์เฮาส์ ร่วมกับสยาม รีเทล ดีเวลอปเมนท์ เจ้าของศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ โดยพัฒนาที่ดินบริเวณแยกอโศกที่เคยเป็นโชว์รูมวอลโวมาก่อนให้เป็นศูนย์การค้าและเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ครบวงจร เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอโศก และรถไฟฟ้ามหานคร สถานีสุขุมวิท ตัวโครงการประกอบด้วยศูนย์การค้า 9 ชั้น และเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ 20 ชั้น

เทอร์มินัล 21 ออกแบบโดยยึดแนวคิด "จุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้ง" (The Destination for Inspiration) แต่ละชั้นจะตกแต่งเป็นบรรยากาศของเมืองสำคัญของโลก ได้แก่ อิสตันบูล โรม ลอนดอน โตเกียว ซานฟรานซิสโก และลอสแอนเจลิส นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ "กรูเมต์มาร์เก็ต" จากเดอะมอลล์กรุ๊ป โรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ และศูนย์ออกกำลังกายฟิตเนสเฟิร์สท์ โดยมีการแบ่งพื้นที่ดังนี้

ชั้น LG ตกแต่งบรรยากาศทะเลแคริบเบียน กรูเมต์ มาร์เก็ต ธนาคาร ร้านหนังสือ ร้านอาหาร
ชั้น G ตกแต่งสไตล์โรม จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม
ชั้น M ตกแต่งสไตล์ปารีส จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม นอกจากนี้ยังมีบันไดเลื่อนตรงไปยังชั้น 3 ด้วย
ชั้น 1 ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น จำหน่ายเสื้อผ้าสตรี
ชั้น 2 ตกแต่งสไตล์ลอนดอน จำหน่ายเสื้อผ้าบุรุษ ยีนส์ และเสื้อผ้ากีฬา
ชั้น 3 ตกแต่งสไตล์ตุรกี จำหน่ายเครื่องหนัง กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ และของแต่งบ้าน
ชั้น 4 และ 5 ตกแต่งสไตล์ซานฟรานซิสโก เป้นที่ตั้งร้านอาหารและศูนย์อาหาร Pier 21
ชั้น 6 ตกแต่งสไตล์ฮอลีวู้ด เป็นที่ตั้งของโรงภาพยนตร์เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำนวน 8 โรง และจุด Receptionist กับห้องล็อกเกอร์ชาย ของฟิตเนส เฟิร์สต์ สาขาเทอร์มินัล 21
ชั้น 7A (ใช้บันไดเลื่อนติดกับจุด Receptionist ของฟิตเนสเฟิร์สต์) ฟิตเนส เฟิร์สต์ เทอร์มินัล 21
ชั้น 7B-26 (ใช้ลิฟต์รับรองจากทางเชื่อมบีทีเอส หรือชั้น 1 ของศูนย์การค้า) โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ โฮเต็ล แอนด์ เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท เทอร์มินัล 21

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูลิฟต์ที่นี่กันดีกว่า
ที่นี่ถึงจะเป็นห้างใหญ่ก็จริง แต่ลิฟต์ที่นี่ เป็นมิตซูบิชิ ปุ่มหายากทั้งหมดเลยนะจะบอกให้

เริ่มจากลิฟต์แก้ว Terminal 21

ลิฟต์แก้วที่เป็นกระจกหลายด้านมาก และปุ่มเป็นแบบกลม ไม่เหลี่ยมเหมือน Mitsubishi ที่อื่น

ลิฟต์ปกติ Terminal 21


ลิฟต์ปกติที่ปุ่มเป็นแบบกลม ซึ่งเท่าที่ถ่ายมาเจอที่นี่ที่เดียวนะ = ="

ลิฟต์ที่ Grande Centre Point Terminal 21
ลิฟต์ล็อกชั้นของทางโรงแรม มีการเอาชั้นที่มีเลข 4 ออกด้วย ทั้งเปลี่ยนเป็น C ทั้งเอาออก!

ลิฟต์ทางเชื่อม Terminal 21 (Cr. น้องกันต์ MelvinMan10)
พอดีตัวเองลืมถ่ายซะงั้น ขอยืมคลิปท่านกันต์หน่อยก็แล้วกัน เป็นลิฟต์ทางเชื่อมที่เอาไว้ให้ผู้พิการขึ้นได้สะดวก - -"

เอาล่ะ เรามานับคะแนนรีวิวครั้งนี้กัน
การเดินทาง (5/5) - เชื่อมรถไฟฟ้าทั้ง BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ทำให้เดินทางได้สะดวกมาก
ความยาก (0.5/5) - ที่นี่ถ่ายรูปได้สบาย ฉะนั้นไม่ต้องกลัว รปภ. หรืออะไร แต่บางครั้งอาจจะเจอคนเยอะได้ในบางที (แต่เราโชคดี ไปวันหยุดแล้วรอบที่ถ่ายลิฟต์คนไม่เยอะพอดี)
ความสนุก (4/5) - ถึงแม้ว่าลิฟต์มิตซูบิชิจะซ้ำๆ กันไปบ้าง แต่กลับเป็นที่ที่ถ่ายลิฟต์ได้สนุก แต่ยกเว้นลิฟต์โรงแรม อาจจะต้องไปพักถึงจะถ่ายได้เต็มที่ แค่นั้นเอง...
คะแนนรวม: 4.5/5

NingSama's Comment
ที่นี่เป็นห้างที่ต่างจากที่อื่นๆ คือถ่ายรูปได้สบาย ไม่ต้องกลัว รปภ. ว่า แค่ถ่ายลิฟต์ก็ฟินแล้ว แต่ถ้าอยากจะให้ฟินกว่านี้ให้ถ่ายทุกจุดใน Terminal 21 จะสนุกกว่านี้มาก ลิฟต์แนะนำของที่นี่ก็คือ ลิฟต์ในตัวห้างนั่นเอง... รวมถึงห้องน้ำและวิวทุกจุดด้วย ถ้าใครถ่ายห้องน้ำ Terminal 21 ทุกจุดแล้วบอกด้วย เราจะได้ถ่ายบ้าง 5555555555

แล้วเจอกันในคราวหน้านะคะ See Ya!

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

รีวิวแหลกสไตล์นิ้งซามะ ตอนที่ 1: Angry Birds Fruit Gummies

เอาล่ะค่ะ หลังจากที่หายไปวันนึง (เพราะไม่รู้จะเขียนอะไร) วันนี้ก็เลยมาลองเขียนรีวิวแหลกสไตล์นิ้งซามะกันนะคะ
รีวิวแรกของนิ้งซามะก็คือ (คำเตือน: โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม)
Angry Birds Fruit Gummies นั่นเอง...
(ขอบคุณภาพประกอบจาก http://cdn.foodbeast.com.s3.amazonaws.com/content/wp-content/uploads/2011/10/angry-birds-4-boxes.jpg)
แล้ว Angry Birds คืออะไร
ก่อนอื่นเราก็จะมาอธิบาย Angry Birds กันก่อน Angry Birds เป็นแอพเกมในมือถือที่ออกเมื่อหลายปีก่อน โดยเราจะต้องเล่นเป็นนกที่ยิงไปทำลายฐานของหมู และตอนนี้ก็ออกมาหลายภาค และหลายสินค้า ทั้งตุ๊กตา ขนม ของเล่น บลาๆๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้กระแสจะซาๆ ไปแล้วก็เถอะ
แต่วันนี้เราจะมารีวิวขนม Angry Birds กัน
เนื่องจากขนมชิ้นนี้ Import มาจากต่างประเทศ ราคาอาจแพงหน่อยนะ
ด้วยราคา 79 บาท เราก็ได้กินน้อง Angry Birds แล้ว โดยวันนี้เราจะมารีวิวขนมกล่องสีฟ้ากันนะคะ (ปล. แต่ 4 กล่องเหมือนกัน)
ก่อนอื่นเราก็มาดูตัวสินค้ากันก่อน
หน้าตาของกล่อง มี 4 ลายให้สะสม และเราสามารถตัดกล่องเพื่อนำมาประดับบ้านได้อีกด้วย
ด้านหลังกล่อง มีบอก Nutrition Facts ลายกล่องทั้งหมด และ Link ที่ไปยังเว็บของสินค้าได้
ด้านข้างกล่อง เป็นลายเดียวกับหน้ากล่อง
เมื่อแกะออกมาแล้ว จะเป็นซองขาวๆ ในนั้นจะมีขนมจำนวนมากอยู่
หน้าตาของขนม มี 6 รส
(จากซ้ายไปขวา) เชอร์รี่, บลูราสเบอร์รี่, องุ่น, สตรอเบอร์รี่, แอปเปิ้ล, เลมอน
รสชาติของขนม
เนื่องจากขนมชิ้นนี้ไม่หวานมาก จึงอาจไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบเยลลี่หวานๆ แต่จะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบหวานมากมากกว่า ข้อดีก็คือกลิ่นหอมมาก ทำให้กินแล้วได้กลิ่นค่อนข้างชัดเจน
เราจะมาให้คะแนนขนมกัน
ราคา - 3/5 (แพงกว่าขนมปกติเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะเป็นของนำเข้าก็ได้ละมั้ง)
แพ็คเกจ - 5/5 (แพ็คเกจสวยมาก ง่ายๆ แค่นี้แหละ)
รสชาติ - 3/5 (เนื่องจากนิ้งเป็นคนชอบแบบหวานมาก เลยโดนหักคะแนน แต่กลิ่นหอมดีนะ)
คะแนนรวม - 3.33/5
NingSama's Comment
ขนมนี้เหมาะกับแฟนๆ แองกรี้เบิร์ดอยู่แล้ว ซึ่งแฟนๆ จะสามารถรับราคาได้แน่นอน ส่วนรสชาตินั้นจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบกินของรสหวานมาก ของชิ้นนี้จะเหมาะสำหรับพ่อแม่ที่จะซื้อขนมให้เด็กๆ และสามารถรับราคาที่แพงกว่าปกติได้ (เพราะเป็นของนำเข้า) เด็กๆ น่าจะชอบนะ

แล้วเจอกันในคราวหน้านะคะ See Ya!

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

รู้จักนักถ่ายลิฟต์ ตอนที่ 1 Heritage Elevators

เอาล่ะค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำนักถ่ายลิฟต์แต่ละคนจากทั่วโลกกันนะคะ เริ่มจากคนแรกกันเลย
นั่นก็คือ Heritage Elevators นักถ่ายลิฟต์จากเดนมาร์ก สถานที่ที่ให้กำเนิดเลโก้นั่นแหละ
(ขอบคุณข้อมูลจาก http://elevatorcommunity.wikia.com/wiki/ATITANIC1992 ด้วยเน้อ)

Heritage Elevators คือใคร
เขาเป็นนักถ่ายลิฟต์ที่เกิดที่ประเทศเดนมาร์ก มีชื่อจริงว่า Alexander Wedø เขาเปิดช่อง Youtube ของเขา https://www.youtube.com/user/ATITANIC1992 ในปี 2550 แต่กว่าจะอัพคลิปลิฟต์ได้ก็ผ่านไป 2 ปีแล้ว
นอกจากนั้นเขายังถ่ายลิฟต์ไปทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งประเทศที่เขาไปก็มีทั้งอินโดนีเซีย สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา และอีกหลายประเทศ และเขายังเคยติดลิฟต์นานกว่า 20 นาทีอีกด้วย
เรามาดูตัวอย่างสไตล์การถ่ายลิฟต์ของเค้ากันดีกว่า
NingSama's Comment
สำหรับเขาแล้ว เขาเป็นคนที่ทุ่มเทกับการถ่ายลิฟต์มาก จนได้ไปถ่ายลิฟต์กับชาวต่างชาติ และได้ไปหลายประเทศ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้มาที่ประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านไป 6 ปีกว่าแล้วสำหรับการถ่ายลิฟต์ และมียอด Subscribe กว่า 2 พันคน นิ้งขอแค่ 3 คำสำหรับเขาก็แล้วกันนะ
นาย-อิน-เตอร์
วันนี้อาจจะสั้นกว่าวันอื่นๆ ไปนิดนึง แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะวันนี้เจ้าตัวไม่ค่อยมีอารมณ์อัพบล็อกเลย แล้วเจอกันในคราวหน้านะคะ See Ya!

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

ความรู้เรื่องลิฟต์สไตล์นิ้งซามะ ตอนที่ 1 Destination Dispatch Elevator

เอาล่ะ เริ่มต้นวันจันทร์แรกของปี 2558 แล้วใช่มั้ยเอ่ย??? ทุกวันจันทร์เราจะมาเล่าเรื่องราวของลิฟต์ต่างๆ บนโลกกัน เริ่มด้วยตอนแรก Destination Dispatch Elevator เรามาดูกันเลย
หลายๆ คนคงสงสัยว่า Destination Dispatch Elevator คืออะไร และต่างจากลิฟต์ปกติอย่างไร วันนี้จะมาดูกัน
Destination Dispatch Elevator
(ต้องขอขอบคุณข้อมูลจาก Elevatorpedia ด้วยนะคะ http://elevation.wikia.com/wiki/Destination_dispatch)
ลิฟต์ Destination Dispatch ที่เซ็นทรัลพระราม 9
เป็นระบบลิฟต์รูปแบบใหม่ที่จะจัดคนที่จะไปชั้นเดียวกันให้อยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกันนั่นเอง ทำให้จอดชั้นน้อยครั้งที่สุด และใช้ลิฟต์ได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด โดยระบบนี้เราจะต้องเลือกชั้นจากที่โถงลิฟต์เลย และระบบนั้นจะบอกว่าให้ไปยังลิฟต์ตัวไหน แล้วเราก็รอจนกว่าลิฟต์จะมานั่นเอง... ซึ่งบางครั้งอาจจะใช้วิธีแตะบัตรที่ระบุข้อมูลของแต่ละชั้นก็ยังได้
แล้วลักษณะเด่นของระบบนี้ล่ะมีอะไรบ้าง
อย่างแรกเลย ที่โถงลิฟต์จะมี Keypad หรือที่แตะบัตร หรือบางทีอาจเป็นหน้าจอสัมผัสให้กดเลือกชั้น ซึ่งบางที่อาจใช้แตกต่างกันออกไปนะ
อย่างที่ 2 ไม่สามารถกดเลือกชั้นจากภายในลิฟต์ได้ เพราะมันไม่มีปุ่มชั้น หรือซ่อนอยู่ใต้แผงที่ล็อกด้วยกุญแจ แต่ถ้าเป็นแบบ Hybrid Configuration จะสามารถกดเลือกชั้นได้เพียงบางชั้นเท่านั้น
อย่างที่ 3 ถ้าเป็นแบบ Full Configuration จะมีไฟอยู่ที่ขอบแผงลิฟต์ บอกว่าลิฟต์ตัวนั้นไปชั้นไหนบ้าง หรือถ้าเป็นบางยี่ห้อจะบอกว่าขึ้นหรือลงด้วยนะ
ตัวอย่างไฟที่ขอบแผงลิฟต์ บอกว่าไปชั้น -1 (ก็คือชั้นใต้ดิน 1 นั่นเอง)
พูดถึง Hybrid Configuration กับ Full Configuration แล้ว สงสัยจังว่ามันแตกต่างกันอย่างไรกันนะ
เอาล่ะ เราจะมาเล่าความต่างระหว่าง 2 ระบบกัน
แบบ Hybrid Configuration
  • แผงกดชั้นจากข้างนอกนั้น จะอยู่แค่บางชั้นเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด อาจจะเป็นชั้นล่างสุด หรือชั้นที่คนใช้เยอะที่สุดก็ได้
  • ในลิฟต์นั้นยังมีปุ่มชั้นลิฟต์ตามปกติ แต่กดได้แค่บางชั้นเท่านั้น
  • ข้อดีคือ ช่วยจัดการคนให้ไปอยู่ชั้นเดียวกันได้ในช่วงที่คนขึ้นเยอะ เช่น ช่วงเช้าเวลาคนทำงาน เป็นต้น
  • ไม่มีระบบรองรับผู้พิการ
  • มีเพียงแค่บางยี่ห้อเท่านั้นที่ทำ เช่น Mitsubishi (DOAS) เป็นต้น
  • สามารถดัดแปลงให้เป็นระบบลิฟต์ปกติได้ (เช่นที่ออฟฟิศเซ็นทรัลลาดพร้าว เป็นต้น)
  • ตัวอย่างเช่น BB Building (ไทย), UOB Plaza (อินโดนีเซีย) เป็นต้น
แบบ Full Configuration
  • แผงกดชั้นจากข้างนอกนั้น จะอยู่ทุกชั้น
  • ในลิฟต์นั้นไม่มีปุ่มชั้นลิฟต์ จะมีเฉพาะปุ่มเปิด ปิด และปุ่ม Alarm เท่านั้น
  • มีระบบรองรับผู้พิการ
  • เป็นระบบลิฟต์ที่ทำทุกยี่ห้อ
  • ข้อดีคือ สามารถจัดการคนให้ไปอยู่ชั้นเดียวกันได้ทุกรูปแบบ
  • ตัวอย่างเช่น ออฟฟิศเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ, The Offices at CentralWorld, ปาร์คเวนเชอร์, MBK Tower (อาคารธนชาติ) เป็นต้น
แล้วข้อดีของระบบ Destination Dispatch ล่ะ มันคืออะไร
  1. คนพิการก็ใช้ได้ เพียงแค่กดปุ่ม/Set บัตรให้เป็นคนพิการ แล้วเลือกชั้นจากโถงลิฟต์ (ใช้ได้เฉพาะ Full Configuration) โดยระบบนั้นจะเพิ่มเสียงและยืดเวลาการเปิดประตูออกไป เพื่อให้คนพิการไม่โดนหนีบยังไงล่ะ
  2. ไม่ต้องรอลิฟต์และอยู่ในลิฟต์นาน เพราะมันจะลดการจอดชั้นให้น้อยครั้งที่สุด (แต่ควรจะมีจำนวนลิฟต์เยอะหน่อยนะ)
  3. ทำให้ใช้ลิฟต์ทุกตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
แล้วข้อจำกัดของ Destination Dispatch ล่ะ
ถ้าจู่ๆ เราพรวดเข้าไปในลิฟต์เลย โดยไม่ดูชั้น เราก็จะไปชั้นมั่วไปหมด หรือบางทีเรากดหลายๆ ครั้ง ระบบก็จะคิดว่าไปกันหลายคน ซึ่งจริงๆ แล้วเราไปแค่คนเดียว หรือบางทีเราดูชั้นที่จะไปแต่ไม่กด ระบบก็จะคิดว่าไม่มีคนไป ซึ่งบางครั้งเวลาเรารอแล้วเปิดลิฟต์อาจจะพบคนเต็มลิฟต์ก็เป็นได้...
แต่มันก็มีทางแก้นะ คือให้เตรียมบัตรเอาไว้แตะ ถ้าไม่แตะก็ขึ้นลิฟต์ไม่ได้ และถ้ายิ่งใช้กับประตูหมุนกั้นโถงลิฟต์ล่ะก็ จะทำให้จัดระบบได้แทบไม่ผิดเพี้ยนเลย และยังช่วยในเรื่องของความปลอดภัยได้อีกด้วย

เอาล่ะ เรามาดูวิธีใช้ Destination Dispatch กันเลย
แบบ Full


แบบ Hybrid

แบบแตะบัตร
NingSama's Comment
ระบบ Destination Dispatch ทำให้ใช้ลิฟต์ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น และจอดชั้นน้อยลง ซึ่งทำให้ลดระยะเวลาการรอได้ถึง 30% ทีเดียว (เค้าว่ากันอย่างนั้น) ยิ่งถ้าจำนวนชั้นนั้นน้อยและจำนวนลิฟต์เยอะก็จะยิ่งเร็วขึ้น ซึ่งจากการสัมผัสจริงๆ มาแล้ว พบว่าเป็นอะไรที่สุดยอดและคุ้มค่ากับอาคารรักษ์โลกมาก และเท่าที่สังเกตดู อาคารรักษ์โลกในประเทศไทยส่วนใหญ่จะชอบใช้ Destination Dispatch กันเยอะ และหวังว่าตึกใหม่ตรงพระราม 9 จะใช้บ้างเช่นเดียวกัน

แล้วเจอกันใหม่ในคราวหน้านะคะ See Ya!

วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558

รีวิวการถ่ายลิฟต์ ตอนที่ 1 เซ็นทรัลพลาซ่าพระราม 9

คำเตือน หากคุณคิดจะไปถ่ายลิฟต์ที่นี่กรุณาระวัง รปภ. กับเจ้าหน้าที่ด้วย นี่เตือนแล้วนะ
นี่คือรีวิวการถ่ายลิฟต์ชุดแรกของบล็อกนี้เน้อ เป็นห้าง CentralPlaza Grand Rama IX ซึ่งเราสามารถเดินทางได้จากรถไฟใต้ดินกันเลยทีเดียว ลงสถานีพระราม 9 แล้วเดินเข้าห้างได้ทันทีไม่ต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปข้างบนก่อน!
ลิฟต์ที่นี่ บอกตรงๆ ว่ามีหลายยี่ห้อ หลายสไตล์เลยทีเดียว เก็บกันสนุกล่ะทีนี้
ก่อนอื่นเรามาดูข้อมูลของห้างเซ็นทรัลพระราม 9 กันก่อนเน้อ
(ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9)
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 หรือ เซ็นทรัล พระราม 9 เป็นศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก ตรงข้ามฟอร์จูนทาวน์ ติดแยกพระราม 9 บนที่ดินของโครงการแกรนด์ พระราม 9 ของถนนพระราม 9 โดยเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 ถือเป็นโครงการเฟสที่สองของโครงการแกรนด์ พระราม 9 ที่จะเป็นจุดรวมของอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม และจะพัฒนาต่อไปเป็น CBD ในอนาคต โดยบริเวณใกล้เคียงมี สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์, สำนักงานใหญ่ของกลุ่มทรู (อาคารใยแก้ว) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
รายละเอียดภายในอาคาร
เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ตัวอาคารเป็นแบบตอนเดียวความสูง 8 ชั้นรวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น และบริเวณทิศใต้ (มุ่งหน้าไปอโศก) จะมีอาคารสำนักงานความสูงประมาณ 9 ชั้นต่อขึ้นไปอีก โดยเปิดให้เข้าเพียงแค่ 5 ชั้น เนื่องจากส่วนบนสุดเป็นส่วนสำนักงานใหญ่ของโรบินสัน และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ไนน์ สแควร์ จำกัด ที่ดูแลโครงการอยู่
โซนพลาซาหลัก
ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 6 ชั้น แบ่งเป็นชั้นบนดิน (เหนือพื้นถนน) 5 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ใช้เนื้อที่บริเวณปีกซ้ายของอาคาร
ชั้นใต้ดิน B Tops Market, Central Wine Cellar, Office Mate, B2S (จุด 2), โซน Fashion Plus, โซน e-Center และทางเชื่อมเข้าสู่สถานีพระราม 9
ชั้นใต้ดิน G แผนกเสื้อผ้ายีนส์ แผนกทีนโซน แผนกรองเท้ากีฬา และร้านยูนิโคล่ที่ใช้เนื้อทีปีกขวาของอาคาร
ชั้น 1 แผนกเครื่องสำอาง บิวตี้รูม และโซนกิจกรรม
ชั้น 2 แผนกเสื้อผ้า, รองเท้าและกระเป๋า และเครื่องประดับของสตรี
ชั้น 3 แผนกเสื้อผ้า, รองเท้าและกระเป๋า, ชุดชั้นในของบุรุษ, นาฬิกา, กระเป๋าเดินทาง และร้านซูเปอร์สปอร์ตทางปีกขวาของอาคาร,
ชั้น 4 แผนกเสื้อผ้าและของใช้เด็ก, ห้องแม่และลูก, ชุดชั้นในสตรี และร้านเพาเวอร์บายทางปีกขวาของอาคาร
ชั้น 5 แผนกอุปกรณ์และของใช้ภายในบ้าน, ประดับยนต์และเครื่องมือช่าง, จุดบริการลูกค้าและห้องรับรองวีไอพี
ชั้น 6 โซนร้านอาหาร
ชั้น 7 โรงภาพยนตร์ SFX Cinema, Fitness First, The Rink Ice Skate, ร้าน B2S (จุดหลัก), สวนสนุก Fun Planet และทางเข้าอาคารสำนักงาน
ชั้น 8 ส่วนโรงภาพยนตร์ของ SFX Cinema
โซนรีเทล ทาวเวอร์
ชั้น 8 ศูนย์เสริมความงาม และสำนักงานบริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9
ชั้น 9 ศูนย์เสริมความงาม
ชั้น 10 ศูนย์เสริมความงาม
ชั้น 11 โรงเรียนสอนพิเศษ (ใช้ลิฟต์)
ชั้น 12 โรงเรียนสอนพิเศษ (ใช้ลิฟต์)
โซนอาคารสำนักงาน
ชั้น 14-17 บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) (สำนักงานส่วนกลาง)
เอาล่ะ เรามาดูลิฟต์ในแต่ละโซนกันก่อน (ไม่มีลิฟต์ขนของ เพราะไม่ได้ถ่ายมา)
โซนโรบินสัน
จะเป็นลิฟต์มิตซูบิชิรุ่นใหม่ที่จอดชั้น B G 1-6 อยู่ใกล้กับท็อปส์และโรบินสัน เป็นตัวภายในห้างนั้นเองเลย
ตัวอย่างลิฟต์ที่นี่
โซนพลาซ่า
จะเป็นลิฟต์ฮิตาชิรุ่นใหม่ ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน (มาพร้อมกับเสียงตอนผ่านแต่ละชั้น) จอดชั้น B G 1-8 และเป็นตัวที่มีผู้ใช้มากที่สุด
ตัวอย่างลิฟต์ที่นี่
โซนรีเทล ทาวเวอร์
จะเป็นลิฟต์ Schindler Miconic 10 ซึ่งเป็นระบบ Destination Dispatch จะต้องกดเลือกชั้นจากข้างนอกก่อนแล้วจะบอกว่าให้ใช้ลิฟต์ตัวไหน ในลิฟต์นั้นจะไม่มีปุ่มกดชั้น จะมีแต่ปุ่มเปิด ปิด และปุ่มขอความช่วยเหลือเพื่อความอุ่นใจของผู้ใช้ ซึ่งคนทั่วไปจะสามารถขึ้นได้สูงสุดชั้น 12
ตัวอย่างลิฟต์ที่นี่

เอาล่ะ เราจะให้คะแนนเกี่ยวกับการถ่ายลิฟต์ที่นี่กัน โดยจะให้ทั้งหมด 3 เกณฑ์ คือ
การเดินทาง (เดินทางได้ยากแค่ไหน)
ความยาก (การถ่ายลิฟต์ที่นี่นั้นยากแค่ไหน)
ความสนุก (การถ่ายลิฟต์ที่นี่นั้นสนุกแค่ไหน)

เรามาดูคะแนนกันเลย (คำเตือน เป็นความคิดเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
การเดินทาง - 5/5 เพราะเราสามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาเดินเข้าเซ็นทรัลพระราม 9 ได้เลย โดยไม่ต้องขึ้นบันไดเลื่อนมาก่อน ทำให้เดินทางได้สะดวกมาก
ความยาก - 3/5 เพราะที่นี่ โดยปกติแล้วจะห้ามถ่ายรูป แต่คนจำนวนมากสามารถถ่ายรูปได้โดยไม่มีปัญหา แต่แค่ระวัง รปภ. เท่านั้นเอง ความยากจริงๆ จะอยู่ที่ลิฟต์บางตัว (ยกเว้นรีเทล ทาวเวอร์) คนจะใช้เยอะในวันหยุดแค่นั้นเอง
ความสนุก - 5/5 ถึงแม้ว่าจะมีแค่ 3 โซนหลักๆ แต่เนื่องจากไม่ซ้ำยี่ห้อ และมีระบบหลากหลาย ทั้งปกติและ Destination Dispatch ทำให้ถ่ายได้สนุก

คะแนนรวมของสถานที่นี้ 4/5

ความเห็นส่วนตัว
ห้างที่นี่จะเหมาะกับการถ่ายลิฟต์ในวันธรรมดามากกว่าวันหยุด โดยอาจจะมีปัญหาในด้านลิขสิทธิ์บ้างในโซนโรบินสัน (เพราะเปิดเพลง) ส่วนนอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร ตัวที่แนะนำให้ไปถ่ายที่นี่จริงๆ จะเป็นตัว Destination Dispatch เพราะไม่สามารถหาที่ที่ถ่ายได้ง่ายๆ ในห้างต่างๆ ซึ่งที่นี่น่าจะถ่ายได้ง่ายที่สุดในประเทศแล้ว

แล้วเจอกันในคราวหน้านะคะ ^_^

มาแนะนำตัวกันก่อน

สวัสดีค่ะทุกคน นี่ก็เป็นบล็อกแรกใช่มะ งั้นเราก็มาแนะนำตัวกันก่อน
ชื่อ: นิ้งซามะ
ฉายา: นักถ่ายลิฟต์หญิงแห่งฝั่งธน
เรียนอยู่ปีไหนแล้ว: ปี 3 แล้วเน้อ
แล้วบล็อกนี้จะมีเรื่องอะไรบ้าง: แหม๋ มันก็ขึ้นอยู่กับอนาคตนะ แต่ที่แน่ๆ คงต้องมีเรื่องลิฟต์กับบันไดเลื่อนล่ะ กร๊ากกกกกก
แล้วเริ่มถ่ายลิฟต์ได้ยังไง: เรื่องมันก็เริ่มมาจากวันหนึ่ง เราเข้าเว็บ Fail (เว็บเป็ดเหลืองซึ่งปิดไปแล้วของพี่แอน +iannnnn (https://twitter.com/iannnnn)) แล้วก็เข้าไปดู Fail ลิฟต์ฮาๆ แล้วจู่ๆ เราก็ไปเจอลิงค์นึงซึ่งเป็นลิงค์ที่เปิดไปแล้วไปเจอลิฟต์ที่ท่านกันต์ MelvinMan10 ถ่ายมา ก็เลยเปิดแล้วก็ เฮ้ย! เจ๋งว่ะ! แปลกดี! แล้วเราก็ดูเรื่อยๆ พอสืบประวัติน้องเค้าจึงพบว่า น้องเค้าเป็นนักถ่ายลิฟต์ที่ถ่ายมาเยอะสุดในประเทศ แล้วเราได้เริ่มสนใจเกี่ยวกับลิฟต์
จนวันนึง เราก็คิดจะถ่ายลิฟต์เองบ้าง ก็เลยเริ่มถ่ายตอนปี 2 โดยเริ่มต้นจากที่มหาลัยเราก่อน แล้วก็ไปยังห้าง เพราะไปได้ง่ายมาก (ไม่ต้องถามถึงคลิปแรกจริงๆ นะ ลบไปแล้ว) แล้วเราก็ได้รู้จักนักถ่ายลิฟต์เยอะขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง

  • น้องอู๋ Ta Garavigo นักถ่ายลิฟต์ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ 
  • บอลลี่ ที่เกรียนมากๆ 
  • ศุภกาจ Supakard นักถ่ายลิฟต์ที่ชอบถ่ายลิฟต์ขนของ 
  • แซม Sumosoftinc เฮียแกน่าจะถ่ายลิฟต์มาเยอะสุดในอาเซียนแล้ว 
  • อิวาน IDLift3000 เค้าก็ดังมากๆ และยังเป็นเจ้าของ Elevatorpedia ด้วย (http://elevation.wikia.com/wiki/Elevator_Wiki
  • แต่กว่าจะได้รู้จักเฮีย DieselDucy ซึ่งเป็นนักถ่ายลิฟต์ชื่อดังของโลกก็ตอนที่เข้ากลุ่มเฟสเกี่ยวกับนักถ่ายลิฟต์นั่นแหละ
แล้วนอกจากถ่ายลิฟต์แล้ว ยังชอบอะไรอีกบ้างล่ะ: อ๋อ บอกเลยนะว่านอกจากถ่ายลิฟต์แล้ว ก็ยังชอบกิน ชอบอ่านนิยายแนวแฟนตาซีผจญภัย บางทีก็มี Sci-Fi บ้าง แล้วก็นั่งเล่นเกมต่างๆ มันๆ บางทีก็เดินทางท่องเที่ยวไปหาสถานที่ใหม่ๆ ส่วนซีรี่ส์ที่ชอบก็จะเป็นพวกอนิเมะแนวแฟนตาซี แล้วก็ Kamen Rider นั่นแหละ
ความฝันล่ะ: อยากจะเป็นนักถ่ายลิฟต์ระดับโลกกับเค้าบ้าง แล้วก็อยากจะขายงานของเราให้เป็นที่โด่งดังนั่นแหละ แต่ที่สำคัญ ชีวิตเราก็ต้องให้มีความสุขทุกวันด้วย จริงมั้ย แล้วก็อยากจะผจญภัยถ่ายลิฟต์และเที่ยวไปทั่วโลกยังไงล่ะ
คำคมที่ชอบล่ะ: เราจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ขอแค่ใช้ชีวิตให้เต็มที่ในแต่ละวันก็พอแล้ว
อยากจะฝากอะไรมั้ย: งั้นถ้าฝากได้ เราก็ขอฝากบล็อกเล็กๆ ไว้ที่นี่ก็แล้วกันนะ แล้วก็ขอฝาก Fanpage ของเราด้วย https://www.facebook.com/BakeNingsama และฝาก Channel Youtube ไว้ด้วยก็แล้วกัน NingSama the Elevator Maniac